เมื่อสามสิบปีที่แล้ว ประเทศไทยมีมหาวิทยาลัย เพียง 4 แห่ง และทุกแห่งอยู่ในกรุงเทพมหานคร เด็กนักเรียนที่สอบเอ็นทรานซ์ไม่ได้ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย สำหรับเด็กนักเรียนที่สอบเอ็นทรานซ์ได้ก็ต้องจากครอบครัว จากภูมิลำเนา เข้าสู่กรุงเทพมหานคร และจำนวนมากไม่กลับคืนถิ่นฐานบ้านเกิด เป็นการสมองไหลและเสียทรัพยากรท้องถิ่น
ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ เป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาส และสามารถสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ แต่มหาวิทยาลัยที่เด็กนักเรียนทั้งหลายใฝ่ฝัน กลับทำให้ท่านผิดหวัง เมื่อท่านได้พบว่ามหาวิทยาลัยไม่สามารถตอบสนองสิ่งที่ท่านแสวงหา ไม่ใช่สถานที่ที่ส่งเสริมให้นักศึกษาได้รู้จักคิด มีแต่มุ่งเน้นการเรียนการสอนในชั้นเรียน ในเชิงวิชาการ แต่ละเลยที่จะกระตุ้น ส่งเสริมให้นักศึกษาแสวงหาความรู้นอกตำรา และนอกชั้นเรียน การทำกิจกรรมการบำเพ็ญประโยชน์ การกีฬา ที่สำคัญคือ ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่นักศึกษา โดยเฉพาะนักศึกษาชั้นปีที่ 1 อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่นักศึกษาปี 1 เป็นชั้นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
แต่เมื่อท่านได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ ที่นั้น ท่านมีโอกาสได้พบเห็น ได้สัมผัส และได้ศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ให้ในสิ่งที่ท่านแสวงหา มหาวิทยาลัยที่มีความเป็นมหาวิทยาลัยอย่างแท้จริง มหาวิทยาลัยที่ส่งเสริมให้นักศึกษาได้รู้จักคิด ได้มีประสบการณ์ชีวิตทั้งในตำรา และนอกตำรา มีแคมปัสไลฟ์ มีหอพักที่น่าอยู่ และเอื้อต่อการแสวงหาความรู้ของนักศึกษา มีการส่งเสริมให้นักศึกษาทำกิจกรรม เล่นกีฬา และสันทนาการ ที่สำคัญ มหาวิทยาลัยเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ ฮาร์วาร์ด สแตนฟอร์ด หรือ เยล ล้วนแล้วแต่ให้ความสำคัญกับวิชาในสายศิลปศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่จะทำให้นักศึกษา เข้าใจในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ และเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง แล้วจึงเชี่ยวชาญวิชาชีพเป็นนักวิชาชีพที่สมบูรณ์ เป็นบัณฑิตในอุดมคติ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกานี่เอง ที่ ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ ได้ค้นพบคุณลักษณะของมหาวิทยาลัยที่มีความเป็นมหาวิทยาลัยอย่างแท้จริง มหาวิทยาลัยที่จะผลิต "ปัญญาชน" อันทรงคุณค่าให้แก่สังคม ทำให้ท่านเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะสร้างมหาวิทยาลัยที่มีคุณลักษณะดังกล่าวในประเทศไทย
ด้วยเหตุที่ ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ เป็นคนลำปาง และท่านเห็นว่าต่างจังหวัดมีมหาวิทยาลัยค่อนข้างน้อย ทำให้เด็กต่างจังหวัดจำนวนมาก ขาดโอกาสที่จะศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย ท่านจึงตัดสินใจตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นในจังหวัดลำปาง ลำปางเป็นจังหวัดที่เล็ก แต่มีสาธารณูปโภคพร้อม มีบรรยากาศเหมาะสม เป็นจังหวัดศูนย์กลางในภาคเหนือ ค่าครองชีพไม่แพง มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงมีความเหมาะสมที่จะเป็นเมืองมหาวิทยาลัย ซึ่งสามารถรับนักเรียนในจังหวัดลำปาง ในภาคเหนือ ทั่วประเทศ และยังรับนักศึกษาจากประเทศใกล้เคียงและต่างประเทศอีกด้วย
ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ และคุณแม่โต้ย จิวะสันติการ ได้บริจาคที่ดินจำนวน 25ไร่ กองทุนจาก ดร.นิรันดร์ จำนวน 1,000,000 บาท นอกจากนี้แล้วยังได้รับการสนับสนุน และความช่วยเหลืออีกมากมายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยเบย์เลอร์, องค์การ USAID, มูลนิธิ The American-Thai Christian Foundation, มูลนิธิ The American-Thai Education Development Foundation และ มูลนิธิ The American-Thai Foundation for Education และผู้มีจิตศรัทธาในประเทศ เช่น มูลนิธิ ดร.เทียม โชควัฒนา, ดร.ชุมพล พรประภา, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด, บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จำกัด, บริษัท เสริมสุข จำกัด และผลิตภัณฑ์เป็ปซี่, บริษัท ไทยฟิลม์และเนสท์กาแฟ, บริษัท เมโทร แมชีนนารี และอีกมากมายที่ได้บริจาคให้โยนก นอกจากนี้แล้ว ดร.นิรันดร์ ยังได้รวบรวมทีมงานระดับมันสมอง มาร่วมกันทำงานเป็นคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยโยนก โดยมี ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ บุคลากรผู้ทรงคุณค่า เปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถ เป็นผู้นำระดับประเทศและระดับโลก ดำรงตำแหน่ง นายกสภา
นับตั้งแต่ได้รับอนุมัติจากทบวงมหาวิทยาลัยให้ทำการสอนได้ในปี พ.ศ.2531 เป็นต้นมา มหาวิทยาลัยโยนก สถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งแรกของจังหวัดลำปาง ได้ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพให้แก่สังคมอย่างมากมาย ด้วยกระบวนการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้นักศึกษาเป็นนักคิด ใฝ่รู้ ทำงานหนัก ทั้งในด้านการเรียนและการทำกิจกรรม มีสมดุลวิชาชีพและวิชาศิลปศาสตร์ที่จะทำให้นักศึกษาเป็นคนที่เต็มคน เป็นปัญญาชน อันจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต มหาวิทยาลัยโยนกส่งเสริมให้นักศึกษาเล่นกีฬา สันทนาการ เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษามีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ นอกจากนี้แล้ว มหาวิทยาลัยโยนกยังมีหอพักที่น่าอยู่ มีแคมปัส ไลฟ์ และที่สำคัญ มหาวิทยาลัยโยนกมีสภาพแวดล้อมตลอดจนบรรยากาศภายใน ที่มีความงดงาม และเอื้อต่อการใช้ชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้แล้วมหาวิทยาลัยโยนกยังมีความเป็นสากล โดยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน มีอาจารย์ต่างประเทศมาสอน มีนักศึกษาต่างประเทศมาเรียน ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยโยนกมีโอกาสสัมผัสกับภาษา และวัฒนธรรมต่างประเทศ จนทำให้เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า บัณฑิตโยนก เก่งวิชาการ เก่งภาษา เก่งคน เก่งสังคม และเก่งการบำเพ็ญประโยชน์
ปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยโยนก ซึ่งตั้งอยู่ ณ ที่ราบเชิงดอยพระบาท กิโลเมตรที่ 4 ถ.ลำปาง-เด่นชัย ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ยังคงเดินหน้าต่อไป ในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ และคุณธรรม เพื่อรับใช้สังคม
ปี 1986 (2539) Amerrican School and Hospitals Abroad (ASHA) ของ USAID (united Stated Agency for Tnternational Development ) อนุมัติเงิน 850,000 เหรียญ (ประมาณ 22 ล้านบาท ) เพื่อทำการก่อสร้าง อาคารเรียนหลังแรก
ปี 1987 (2530) ASHA/USAID มอบเงินช่วยเหลืออีก 750,000 เหรียญ (19 ล้านบาท) เพื่อสร้างอาคารเรียนหลังที่สองให้สำเร็จ
ปี 1988 (2531) ASHA/USAID มอบเงินช่วยเหลือ 1,250,000 เหรียญ (32 ล้านบาท) เพื่อสร้างอาคารหอพัก และบ้านรับรองอธิการ และจัดซื้ออุกรณ์ การเรียนที่ทัยสมัยสำหรับอาคารเรียน
ปี 1989 (2532) ASHA/USAID มอบเงินช่วยเหลือ 1,200,000 เหรียญ (30 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาสาธาณณูโภคให้กับวิทยาลัย
ปี 1990 (2533) ASHA/USAID มอบเงินช่วยเหลือ 1,000,000 เหรียญ (25 ล้านบาท) เพื่อสร้างอาคารเรียนคณะนิเทศศาสตร์ และศอลปศาสตร์
ปี 1991 (2534) ASHA/USAID มอบเงินช่วยเหลือ 1,000,000 เหรียญ (25 ล้านบาท) เพื่อเริ่มโครงการวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์
รวมเงินช่วยเหลือจากยูเสด รับตั้งแต่ 1986-1991 (2539-2534) จำนวนเงิน 6,050,000 เหรียญ (151 ล้านบาท)
วันที่ 23 เดือนสิงหาคม 2549 อ้างถึงใบอนุญาต ให้เปลี่ยนประเภทสถาบันอุดมศึกษาเอกชน อ้างถึงใบอนุญาต ให้เปลี่ยนประเภทสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่ 4/2549
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 แห่ง พระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการอุดมศึกษา อนุญาตให้มหาวิทยาลัยโยนก เปลี่ยนประเภทสถาบันอุดมศึกษาเอกชนเป็น มหาวิทยาลัย ชื่อ มหาวิทยาลัยโยนก โดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษา
http://www.yonok.ac.th/visitor/begining.htm
|
กระดานแสดงความคิดเห็น
